The new Mercedes-Benz S-Class

สำหรับ The new S-Class คือที่สุดแห่งยนตรกรรมในตระกูลเอสคลาสของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่พร้อมมอบประสบการณ์ความหรูหราและความปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำหน้าที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ ทั้งในเรื่องของการมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ การปกป้องผู้โดยสารในทุกเบาะที่นั่ง ตลอดจนการมอบประสบการณ์การใช้งานแบบอินเทอร์แอคทีฟ ที่ตอบทุกความต้องการของผู้ขับขี่และผู้โดยสารผ่านระบบดิจิทัลในทุกรายละเอียด The new S-Class มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบเรียง ขนาด 2,925 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 286 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดถึง 600 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.4 วินาที โดยขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย เครื่องยนต์ชุดนี้นับเป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การออกแบบภายนอกของ The new S-Class ถ่ายทอดความหรูหราออกมาภายใต้คอนเซ็ปต์Sensual Purity ในภาษาดีไซน์ที่ได้รับการยกระดับขึ้นในทุก ๆ ส่วน ภายใต้การตีความใหม่ให้ดูโมเดิร์นยิ่งกว่าที่เคย ตั้งแต่ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ดีไซน์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ล้อแบบ AMG ขนาดใหญ่สูงสุด 20 นิ้ว กับระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิมมากถึง 51 มิลลิเมตร เส้นโค้งหลังคา Catwalk line ที่กดองศาของหลังคาให้ต่ำลง ทำให้รถยนต์คันนี้ดูสปอร์ตขึ้น ทว่าพื้นที่ห้องโดยสารไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มพื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้ การออกแบบให้มือจับประตูเป็นแบบไร้รอยต่อ (Seamless door handles) ยังช่วยเพิ่มความกลมกลืนของเส้นสายทางด้านข้าง และช่วยให้การล็อกและปลดล็อกประตูทำได้อย่างสะดวกสบายเพียงใช้มือสัมผัสที่มือจับประตู ดีไซน์ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบมาเพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นที่มอบทั้งความหรูหรา คุณภาพระดับสูง และวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีที่สุด พรั่งพร้อมด้วยระบบ ENERGIZING comfort control ที่ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 เฉดสี ระบบปรับอากาศพร้อม AIR BALANCE package ที่ทำให้ห้องโดยสารสะอาดยิ่งขึ้น และระบบเครื่องเสียงจากลำโพง Burmester® 3D  surround sound system ที่ให้คุณภาพเสียงที่มีมิติลุ่มลึก ฯลฯ ในห้องโดยสารยังพร้อมมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ตอบรับความต้องการของผู้โดยสารในทุกที่นั่ง ตั้งแต่เบาะที่นั่งตอนหน้าเรื่อยไปจนถึงตอนหลัง เริ่มตั้งแต่การออกแบบคอนโซลหน้าด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่ดูโมเดิร์นขึ้นและตอบรับกับสรีระของผู้ใช้มากขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Nappa leather และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ความละเอียดสูงแบบ Digital Instrument clusters ขนาด 12.3 นิ้ว …

 
Read More

No.1 Brand Thailand 2020-2021

อีซูซุได้รับรางวัลเกียรติยศ “No.1 Brand Thailand 2020-2021” แบรนด์ยอดนิยมอันดับ1 ประเภทรถปิกอัพ ซึ่งทาง อีซูซุ ได้รับรางวัลเกียรติยศแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ในใจผู้บริโภค ในหมวดรถปิกอัพ “No.1 Brand Thailand 2020-2021” อันเป็นผลจากการสํารวจความคิดเห็นจากผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยนิตยสาร Marketeer และ Marketeer Online ร่วมกับ สถาบันวิจัยการตลาดชั้นนำระดับโลกและระดับประเทศ 2 แห่ง คือ Kadence International (Thailand) และบริษัทมาร์เก็ตติ้ง มูฟ จำกัด โดยศาสตราจารย์วิทวัส รุ่งเรืองผล เป็นผู้ควบคุมโครงการวิจัย  

 
Read More

กองทุน ฮอนด้าฯ

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ขอเป็นอีกหนึ่งพลังในการส่งมอบความช่วยเหลือเพื่อเสริมเกราะป้องกันและสนับสนุนการทำงานให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในผู้ป่วย ด้วยการส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวกที่ผลิตโดยทีมวิศวกรฮอนด้าจิตอาสา เพิ่มเติมจำนวน 1,100 ชิ้น รวมมูลค่า 42 ล้านบาท ให้แก่กระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อจัดสรรตามความต้องการและกระจายต่อไปยังโรงพยาบาลรัฐ จำนวน 114 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงกรมราชทัณฑ์ เพื่อกระจายต่อไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง และโรงพยาบาลเรือนจำกลางสมุทรปราการ คุณพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน สถานการณ์โควิด-19 ได้กลับมาระบาดอีกครั้ง มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้บุคลากรทางการแพทย์รวมถึงผู้ป่วยมีความต้องการอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อมากขึ้น  กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย โดยทีมวิศวกร  ฮอนด้าจึงได้เร่งดำเนินการผลิตหน้ากากแรงดันฯ เพิ่มเติมอีก 1,100 ชิ้น เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลรัฐ รวมทั้งเรือนจำและทัณฑสถาน ซึ่งเชื่อว่าความร่วมมือและความพยายามของทุกภาคส่วนจะช่วยให้เราก้าวข้ามวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ และขอเป็นกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่อาสา รวมถึงผู้ป่วยทุกคน ให้พร้อมต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี” คุณอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า “กรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน โดยปรับพื้นที่บางแห่งเป็นโรงพยาบาลสนามและปรับบทบาทเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ให้ทำหน้าที่สายการแพทย์ร่วมด้วย เพื่อแก้ไขสถานการณ์การติดเชื้อภายในเรือนจำ ขณะที่โรงพยาบาลภายนอกไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ ทำให้จำเป็นต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และผู้ต้องขังจำนวนมากโดยหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวกที่ได้รับจากกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย จำนวน 100 ชิ้น จะสามารถป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อจากผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยและบุคคลกลุ่มเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กรมราชทัณฑ์ขอขอบคุณกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยสำหรับความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ต้องขัง เพื่อให้ผู้ต้องขังได้เห็นถึงคุณค่าของตนเอง และรับรู้ถึงความห่วงใยของสังคม ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการสร้างจิตสำนึกที่ดีและประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นพลเมืองดีของสังคมต่อไป” นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน ทางกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ได้มอบความช่วยเหลือไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงกรมราชทัณฑ์ ด้วยการผลิตและบริจาคเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบจำนวน 100 เตียง ซึ่งมีต้นแบบมาจากคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และยังต่อยอดนวัตกรรมมาเป็นหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวก 2,100 ชิ้น พร้อมด้วยเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อฮอนด้า และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น อาทิ ชุดป้องกันเชื้อ PPE หน้ากาก Face Shield หน้ากากอนามัยแบบผ้า รวมถึงการบริการรถยนต์และรถจักรยานยนต์พยาบาลกองทุน     ฮอนด้าเคียงข้างไทย เพื่อร่วมต้านภัยโควิด-19 รวมงบประมาณกว่า 122 ล้านบาท (ข้อมูลเดือนกรกฎาคม 2564) โดยงบประมาณส่วนนี้มาจากเงินสมทบจากการซื้อรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ขอขอบคุณลูกค้าฮอนด้าทุกท่าน เราพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทย เพื่อก้าวผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน  

 
Read More

FUSO ยกระดับบริการหลังการขาย

บริษัท เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือดีซีวีที ยกระดับมาตรฐานการบริการหลังการขายด้วยการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาการให้บริการหลังการขาย พร้อมมอบโปรโมชั่นส่วนลด 15%-40% สำหรับอะไหล่ฟูโซ่ (FUSO) ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2564 ดีซีวีที จัดฝึกอบรม Parts Training ในเดือนมิถุนายน และ Warranty Training ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบการสื่อสารออนไลน์ ASCENT และโปรแกรมการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาการสนับสนุนและให้คำปรึกษาแก่ผู้จำหน่ายและทีมช่างของ FUSO ทั่วประเทศ โปรแกรมการฝึกอบรมมีการให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับชิ้นส่วนอะไหล่ FUSO ทั้งหมดโดยครอบคลุมทุกรุ่น ซึ่งช่วยให้ทีมช่างผู้เชี่ยวชาญได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและอัปเดตมากที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการด้านการบำรุงรักษานั้นมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของดีซีวีทีในการยกระดับมาตรฐานบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาซื้อรถบรรทุกของลูกค้า แม้จะมีความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังเผชิญอยู่ ดีซีวีที ยังคงมอบความมั่นใจอย่างต่อเนื่องในด้านความพร้อมของชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้จำหน่ายและลูกค้าทุกท่าน และให้การรับประกันครอบคลุมในหมวดหมู่อื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ระบบส่งกำลังและระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ ดีซีวีทียังมุ่งมั่นในการพัฒนาความรู้ของผู้จำหน่ายคุณภาพและประสิทธิภาพการให้บริการผ่านการฝึกอบรม สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ดีซีวีทีสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายรวมตลอดการเป็นเจ้าของสำหรับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความพร้อมและราคาของชิ้นส่วนอะไหล่แท้ ทั้งนี้ ดีซีวีที มอบโปรโมชั่นชิ้นส่วนอะไหล่แท้ FUSO สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นคลาสสิกทุกรุ่น ช่วยให้ลูกค้ารถบรรทุกรุ่นคลาสสิกของ FUSO อุ่นใจได้มากขึ้นในเรื่องการบำรุงรักษาและความปลอดภัย โปรโมชั่นส่วนลด 15%-40%  สำหรับชิ้นส่วนอะไหล่ เครื่องยนต์ คลัตช์ เกียร์ เบรก ระบบช่วงล่าง ระบบบังคับเลี้ยว งานตัวถัง รวมถึงระบบไฟฟ้าสำหรับ FUSO รุ่นคลาสสิค FE, FM, FN และ FV ใช้ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2564 ลูกค้าสามารถรับบริการโปรโมชั่นนี้ได้ที่ผู้จำหน่ายอะไหล่ หรือผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของ FUSO และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.dcvt.co.th  

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed