ฮอนด้า ชวนลูกค้าตรวจเช็กสภาพรถฟรี 25 รายการ

รับฤดูฝน กับแคมเปญ “ฝนนี้ ขับขี่มั่นใจ ปลอดภัยกับฮอนด้า” ฟรี บริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในรถเมื่อเข้ารับบริการเน้นย้ำมาตรการสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยในทุกโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ขอส่งความห่วงใยผ่าน แคมเปญ “ฝนนี้ ขับขี่มั่นใจ ปลอดภัยกับฮอนด้า” ชวนลูกค้าเตรียมความพร้อมของรถยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานเพื่อความปลอดภัยทุกเส้นทาง ด้วยการนำรถยนต์เข้ารับบริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ พร้อมสร้างความอุ่นใจและความปลอดภัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ
โควิด-19 ด้วยบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในรถยนต์ฟรี พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์แผ่นกรองอากาศป้องกันไวรัสและฝุ่น PM 2.5 รวมถึงข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะลูกค้าฮอนด้า ทั้งโปรโมชั่นยางซื้อ 3 แถม 1 หลากหลายรุ่น ส่วนลดค่าอะไหล่ รวมถึงการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายงานทุกงานบริการและยางรถยนต์ นานสูงสุดถึง 10 เดือนเมื่อนำรถยนต์เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย
ทั้ง 230 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 – 31 สิงหาคม 2564 สิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าฮอนด้าในแคมเปญ “ฝนนี้ ขับขี่มั่นใจ ปลอดภัยกับฮอนด้า” รายการที่ 1บริการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ รายการที่ 2 ฟรี บริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในห้องโดยสารรถยนต์ รายการที่ 3ผ่อนชำระค่าใช้จ่ายงานบริการ 0% นาน 6 เดือน สำหรับการเข้ารับบริการในงานตรวจเช็กตามระยะทาง งานซ่อมทั่วไป งานซ่อมตัวถังและสี (ประเภทลูกค้าเป็นผู้ชำระเงิน) งานติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ของฮอนด้า รวมถึงลูกค้าที่ซื้อโปรแกรมอัลติเมทแคร์และแพ็กเกจเช็กระยะฮอนด้าเพย์เซฟ รายการที่ 4ผ่อนชำระค่าใช้จ่ายยางรถยนต์ 0% นานสูงสุด 10 เดือน รายการที่ 5รับส่วนลด 10% ผ้าเบรก จานเบรก ยางปัดน้ำฝน และน้ำยาล้างระบบปรับอากาศ รายการที่ 6รับฟรียางโยโกฮาม่า 1 เส้น เมื่อซื้อยาง 3 เส้น สำหรับรถยนต์ฮอนด้า 5 รุ่น ได้แก่ ซิตี้ แจ๊ซ ซีวิค เอชอาร์-วี และแอคคอร์ด รายการที่ 7 รับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 500 บาท เมื่อซื้อยางกู๊ดเยียร์  4 เส้น สำหรับรถยนต์ฮอนด้า 5 รุ่น ได้แก่ ซีวิค แอคคอร์ด บีอาร์-วี เอชอาร์-วี 
และซีอาร์-วี นอกจากนี้ ฮอนด้า ขอแนะนำแผ่นกรองอากาศรุ่นใหม่ป้องกันไวรัสและฝุ่น PM 2.5 ซึ่งใช้สำหรับกรองอากาศภายในห้องโดยสารรถยนต์ โดยเป็นเทคโนโลยีกรอง 3 ชั้นจากประเทศเยอรมนี ที่สามารถยับยั้งการเติบโตและดักจับเชื้อโรค เชื้อไวรัส และแบคทีเรีย ขนาด 0.05-0.1 ไมครอน ตามมาตรฐาน ISO18184 
อีกทั้งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไข้หวัดใหญ่ H1N1 ได้ถึง 99.99% และเชื้อ HcoV 229E ได้ถึง 99.999% รวมถึงการกรองหมอกควันและมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ได้สูงถึง 90% ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศในห้องโดยสาร ทำให้ได้รับอากาศที่สะอาดสดชื่น สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ ได้ปฏิบัติตามมาตรการด้านความสะอาดและสุขอนามัย
เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยมีการกำหนดจุดคัดกรอง
เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมทั้งเตรียมพรมน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณทางเข้าและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริเวณจุดต่าง ๆ มีการทำความสะอาดศูนย์บริการและรถจัดแสดง พร้อมทั้งฉีดพ่นฆ่าเชื้อเป็นประจำ ในส่วนของพนักงานได้ปฎิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดและสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ลูกค้าที่สนใจในแคมเปญ “ฝนนี้ ขับขี่มั่นใจ ปลอดภัยกับฮอนด้า” สามารถจองคิวเข้ารับบริการล่วงหน้าผ่านบริการ“Online Service Booking” ได้ที่ https://servicebooking.honda.co.th หรือทาง LINE Honda Thailand Official Account (@Honda-Thailand) เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 – 31 สิงหาคม 2564 โดยลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการพิเศษเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับบริการ “Honda Drop & 
Go” เพียงนัดหมายเช็คระยะล่วงหน้า นำรถมาฝากกุญแจไว้แล้วไปทำธุระต่อได้เลย ไม่ต้องเสียเวลารอ หรือ บริการ “Super Fast Tech” การนัดหมายเช็กระยะเร่งด่วน แบบรอรับรถได้ภายในเวลาที่กำหนด ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง (Honda Call Center) โทร. 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.honda.co.th  

 
Read More

TOYOTAห่วงใยลูกค้า

ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ได้มีมติยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรค ด้วยนโยบายการควบคุม และปฏิบัติอย่างเข้มงวดในเขตจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตั้งแต่วันที่12 – 26 กรกฎาคม 2564  บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงยกระดับการบริการ และกำหนดมาตรการป้องกันรวมทั้งเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อตอบรับมาตรการดังกล่าว โดยเป็นการป้องกัน ลดความเสี่ยง และความกังวล ในการติดเชื้อไวรัส ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1.ศูนย์บริการโตโยต้า เปิดให้บริการตามปกติ ในเวลา 08:00 – 17:00 น. ภายใต้มาตรการการปฏิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด–19 และขอความร่วมมือลูกค้าที่มีความต้องการนำรถยนต์เข้ารับบริการ สามารถทำการนัดหมายล่วงหน้ากับศูนย์บริการโตโยต้าใกล้บ้านท่าน ทางโทรศัพท์ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ และในการนัดหมายเจ้าหน้าที่จะแจ้งเงื่อนไขการคัดกรองลูกค้า และมาตรการดูแลรักษาความสะอาดภายในศูนย์บริการเพื่อทำความเข้าใจ และความสะดวกของลูกค้า 2.สำหรับลูกค้าที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ หรือบริการโตโยต้า สามารถติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์www.toyota.co.th และสามารถลงทะเบียน เพื่อรับการบริการจากผู้แทนจำหน่าย ได้ง่าย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 3.เพื่อลดความกังวล และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 โตโยต้าได้กำหนดมาตรการป้องกัน และเฝ้าระวังการแพร่ระบาด โดยให้พนักงานของผู้แทนจำหน่ายทุกแห่งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ในการดูแลเรื่องสุขอนามัยทั้งบริเวณโชว์รูม และศูนย์บริการ ในทุกจุดสัมผัส รวมทั้งลูกค้าที่นำรถยนต์โตโยต้าเข้ารับบริการ จะได้รับการดูแลทำความสะอาดฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไวรัสภายในห้องโดยสารโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ภายในโชว์รูม มีการจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการตามจุดต่างๆ และทำความสะอาดรถยนต์ที่จัดแสดง รวมทั้งรถใหม่ที่เตรียมส่งมอบให้กับลูกค้า โดยเน้นบริเวณที่เป็นจุดสัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐาน ที่ไม่ส่งผลกระทบกับอุปกรณ์ภายในรถ และผู้ขับขี่ รวมถึงเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณโต๊ะ เก้าอี้ พื้นโชว์รูม และอุปกรณ์ต่างๆ ทุกชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พนักงานทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาปฏิบัติงาน ตามแนวทางปฏิบัติการป้องกันของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พร้อมกันนี้ลูกค้าที่สนใจทดลองขับยังอุ่นใจด้วยกระบวนการทำความสะอาดรถยนต์ทุกคันทั้งก่อน และหลังจากการทดลองขับทุกครั้ง โดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสบ่อยๆได้แก่ พวงมาลัย หัวเกียร์ คอนโซล เข็มขัดนิรภัย มือจับประตู คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ให้ความมั่นใจว่า “โตโยต้าให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพ และความปลอดภัยอย่างสูงสุดของลูกค้า รวมถึงบุคลากร บุคคลภายนอกที่มาติดต่อ คู่ค้าทางธุรกิจ และพนักงานทุกคน ในโอกาสนี้ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงต่อความไม่สะดวกในการติดต่อที่อาจได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ โดยโตโยต้ามีแนวทางในการกำหนดมาตรการป้องกันที่เข้มงวดให้กับพนักงานของผู้แทนจำหน่ายในการดูแลเรื่องสาธารณสุข ทั้งบริเวณโชว์รูมและศูนย์บริการในทุกจุดสัมผัส เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการของเรา ขอให้ลูกค้าเชื่อมั่นในความปลอดภัยสูงสุดจากการเลือกใช้สินค้า และนำรถเข้ารับบริการ ณ ศูนย์บริการโตโยต้า และเลกซัสทุกแห่งทั่วประเทศ” ทั้งนี้ โตโยต้ารวมทั้งเครือข่ายธุรกิจ ขอขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน และสำคัญที่สุดคือคนไทยทุกคน ในการร่วมกันฟันฝ่า เพื่อผ่านพ้นวิกฤติการณ์ไวรัสโควิด-19  อันยากลำบากนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย ด้วยการให้บริการที่ดีต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยความห่วงใย  

 
Read More

e:HEV , Powerful Hybrid by Honda

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความทรงพลังและการทำงานอย่างชาญฉลาดของระบบขับเคลื่อนไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid โดยได้สื่อสารถึงผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริด ในชื่อ อี:เอชอีวี (e:HEV) และเริ่มในรุ่น ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี เป็นครั้งแรกในประเทศไทย   ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ยนตรกรรมซิตี้คาร์ Full Hybrid รุ่นแรกที่เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปลายปี 2563 ได้รับการตอบรับอย่างสูงจากลูกค้าชาวไทย ด้วยยอดจองสะสมกว่า 2,200 คัน ในระยะเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่เปิดตัว ระบบขับเคลื่อนไฮบริด Sport Hybrid i-MMD เป็นระบบ Full Hybrid ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า 
(E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม–ไอออน (Lithium-ion)ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด จะเริ่มตั้งแต่การออกตัว การขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ การใช้ความเร็วสูง และระหว่างลดความเร็ว โดยระบบจะเลือกและปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่อย่างอัจฉริยะ ทั้งโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สะท้อนจุดเด่นที่โดนใจและพร้อมตอบโจทย์การใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์ “แรง ล้ำเกินคาด ประหยัดเกินใคร มั่นใจทุกการขับขี่” -High Performance ขับสนุกด้วยแรงบิดและอัตราเร่งที่ทรงพลัง   -High Saving ประหยัดเกินคาดด้วยโหมดการขับขี่ที่ปรับให้เหมาะกับทุกการเดินทาง
อย่างมีประสิทธิภาพ -High Confidence เพิ่มความมั่นใจไปถึงทุกจุดหมายได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ ฮอนด้า ยังมอบความมั่นใจในการใช้งานยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี 
ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care)* ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแรกสิ้นสุดลง รวมสูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็คระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สามารถรับชมวิดีโอ “e:HEV – Powerful Hybrid by Honda” ได้ทาง https://youtu.be/byr_Ds0qxxs พร้อมสัมผัสประสบการณ์แรง ล้ำเกินคาด ประหยัดเกินใคร มั่นใจทุกการขับขี่ ของรถยนต์ Full Hybrid ใน ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ  

 
Read More

เดอะ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำตำแหน่งผู้บุกเบิกและผู้นำเซกเมนต์ซิตี้คาร์ในประเทศไทยเปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ครั้งแรกในโลก ยนตรกรรมซิตี้คาร์แฮทช์แบ็กฟูลไฮบริด ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งของไลน์อัปไฮบริดของฮอนด้าไปอีกขั้น และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของ “เดอะ ซิตี้ ซีรีส์” (The City Series)มาพร้อมจุดเด่นเทคโนโลยี Full Hybrid อันทรงพลัง กับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda SENSING) พร้อมด้วยเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์กับเบาะนั่ง อัลตราซีท (ULTR) ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ด้วยดีไซน์สไตล์ RS รอบคัน เสริมเอกลักษณ์ยนตรกรรมไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และโลโก้ e:HEV พร้อมแนะนำสีใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟกับสีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) เสริมความมั่นใจในการใช้งานด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง* อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) คุ้มค่าเกินคลาส ด้วยราคาจำหน่ายรุ่น e:HEV RS 849,000 บาท มร.โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“เมื่อปลายปี 2563 ฮอนด้า ได้เปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ และได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า โดยมีจุดเด่นคือการผสานการขับขี่ที่สนุกสนานและความอเนกประสงค์อันเป็นเอกลักษณ์ของรถสไตล์แฮทช์แบ็กไว้ได้อย่างลงตัว มาในครั้งนี้ได้นำเทคโนโลยีด้านการขับเคลื่อนอันทรงพลังและล้ำสมัย กับระบบฟูลไฮบริด และเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียม ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ผนวกกับเอกลักษณ์ความเป็นยนตรกรรมสไตล์แฮทช์แบ็ก ด้วยการแนะนำ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ จึงนับได้ว่าเป็นซิตี้คาร์ที่สมบูรณ์แบบและพร้อมมอบพลังใหม่ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนและความปลอดภัยอันล้ำสมัย ซึ่งพร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยราคาที่เข้าถึงได้” ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมฟูลไฮบริดแฮทช์แบ็กของเซกเมนต์ซิตี้คาร์ ที่พร้อมมูฟไปกับพลังเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอันล้ำสมัย กับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ระบบFull Hybrid ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก แรงเกินคลาส โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาดเพื่อตอบรับกับทุกการใช้งาน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 86 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 อย่างไรก็ตาม แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี มูฟได้อย่างมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ได้แก่ 1.ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) 2.ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) 3.ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) 4.ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) 5.ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) อนึ่ง ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยระดับพรีเมียม อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และ ระบบ Auto Brake…

 
Read More

“Honda Goldwing” ตำนานทัวริ่งรุ่นใหญ่ระดับโลก

ย้อนประวัติศาสตร์รถจักรยานยนต์ระดับตำนานอย่าง Honda Goldwing รถทัวริ่งรุ่นใหญ่ที่เจิดจรัสในวงการสองล้อระดับโลกมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ Honda Goldwing เริ่มต้นการพัฒนามาจากรถต้นแบบ M1 Prototype ในปี 1972 ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบ 6 สูบนอน พิกัด 1,470 ซีซี นำโดยหัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่าง Soichiro Irimajiri ภายใต้ชื่อโปรเจกต์ที่ใช้ในยุคนั้นว่า Project 371 ในปี 1974 ฮอนด้าประกาศเปิดตัว Goldwing GL1000 อย่างเป็นทางการ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์แบบ 4 สูบนอน ขนาด 999 ซีซี โดยฮอนด้าต้องการบุกเบิกตลาดรถสปอร์ตทัวริ่งที่อเมริกา และนับจากปีนั้นเป็นต้นมา ชื่อของ Goldwing ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมกับได้สร้างนิยามใหม่ให้กับการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ทรงพลัง มีความนุ่มนวล และมาพร้อมความสะดวกสบาย นำไปสู่วัฒนธรรมการขับขี่ท่องเที่ยวในแบบลักซ์ชัวรีที่เมืองลุงแซม ก่อนขยายความนิยมสู่ภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก ระหว่างปี 1975-1979 ฮอนด้ายกระดับความโดดเด่นของ Goldwing มาได้อย่างต่อเนื่อง แต่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 1980 กับการเปิดตัว Goldwing ใหม่ที่มาในรหัส GL1100 พร้อมการขยายปริมาตรกระสูบขึ้นเป็น 1,085 ซีซี นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชัน GL1100 Interstate ที่มาพร้อมชุดแต่งในสไตล์ทัวริ่งแบบครบวงจร อาทิ ชุดแฟริ่ง กระเป๋าเดินทาง และระบบเครื่องเสียงที่เป็นอุปกรณ์เสริม การอัพเกรดเทคโนโลยีต่างๆ ของตัวรถยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก Goldwing GL1100Interstate มาเป็น Goldwing GL1100 Aspencade ในปี 1982 ที่เสริมความหรูหราและฟังก์ชันอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่รอบคัน และถัดมาในปี 1984 การอัพไซส์ขุมพลังเครื่องยนต์เกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เลือกใช้ความจุขนาด…

 
Read More

ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155

All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 Ride The Next Level ดุดัน…ขั้นสุดแห่งความเร้าใจ โดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงไตรมาส 3 แบบเต็มพิกัด ด้วยการเปิดตัว “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” ที่มาพร้อมกับ ดีไซน์ใหม่ ดุดันเร้าใจไปอีกขั้น ตั้งแต่หัวจดท้าย ภายใต้คอนเซ็ปต์ R-Series DNA สัมผัสแห่งความแรง พร้อมรูปทรงแอโรไดนามิกเจนใหม่ของ Sport Moped ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ Sport Moped ในเมืองไทยอย่างแท้จริง!!! พร้อมทั้งการันตีคุณภาพสินค้ากล้ารับประกันทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กม. เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่กล้ารับประกัน สำหรับ “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” ยังคงให้ความสนุกเร้าใจในทุกจังหวะการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบเต็มระบบ แรงเต็มขั้นด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA ที่มาพร้อมเกียร์ 6 สปีด และระบบ Assist & Slipper คลัตช์ เพิ่มความปลอดภัยมั่นใจในการขับขี่ทุกโค้ง ให้อารมณ์และความรู้สึกแบบเดียวกับรถสปอร์ต อย่างเต็มพิกัด  All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 ยังเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบดีไซน์ เฟรมใหม่ เป็นรูปตัว Y ที่มีน้ำหนักเบา เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวดีขึ้น และแข็งแรงขึ้น โดยทำงานสัมพันธ์กับ โช้คหน้า เทเลสโคปิค ปรับระยะยุบใหม่ โดยทำการเพิ่มระยะยุบของโช้คหน้าให้สามารถซับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น มีความนุ่มนวลและเกาะถนนมากขึ้น ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน พร้อมโช้คอัพหลังแบบ MONO SHOCK โฉบเฉี่ยวมั่นใจ ที่ได้รับการออกแบบตามหลัก “คันโนะเฮียวกะ”* พร้อมส่วนป้องกันโช้คอัพที่แผงกันล้อหลัง ผสานการทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ช่วยลดแรงกระแทก ขับขี่นุ่ม นั่งสบาย ทรงตัวดี ส่งผลให้ทุกจังหวะการขับขี่เต็มไปด้วยความเร้าใจและความมั่นใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ All…

 
Read More

ยามาฮ่า เปิดตัวรถใหม่ 6 รุ่น

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เดินเกมรุกตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง สานต่อความสำเร็จหลังผ่าน 2 ไตรมาสแรก ยามาฮ่ามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 15.2% พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยรถใหม่ 6 รุ่น นำโดย All New EXCITER 155 ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างเหมาะสม พร้อมตอกย้ำคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ยึดมั่นปรัชญา “Kando creating company” พันธกิจ และวิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า คาดตลาดรถจักรยานยนต์ปิดยอดประจำปีที่ 1.53 ล้านคัน ขยับเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 0.7% มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์โดยรวมของธุรกิจรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกว่า“จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีที่ผ่านมานั้น ธุรกิจรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยได้รับผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆในประเทศ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ยังคงมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการระบาดในระลอกใหม่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ารถจักรยานยนต์ยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับการประกอบอาชีพ และการลดต้นทุนในการเดินทางตามสถานการณ์ปัจจุบัน และยามาฮ่ายังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และเหมาะสมกับทุกการใช้งาน ในทางกลับกันกำลังการผลิตในด้านอื่นๆ ไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การผลิตชิ้นส่วนวงจรไฟฟ้าและอะไหล่อื่นๆ ต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตินี้ พร้อมกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น โรเดียม และอลูมิเนียม ที่จำเป็นต่อการผลิตรถจักรยานยนต์ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยามาฮ่าไม่ได้ผลักภาระต้นทุนดังกล่าวสู่ท้องตลาดและกระทบกับผู้บริโภค โดย ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ยังคงสู้วิกฤติโควิด-19 ด้วยการปรับการผลิตและการขายให้ตอบสนองต่อทุกการเปลี่ยนแปลง “ทั้งนี้ยามาฮ่ายังคงวางแผนระยะยาวด้วยแนวคิด “ART for Human Possibilities” และได้เริ่มต้นเดินหน้าสู่ปี 2030 ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาสินค้ายามาฮ่าด้วยวิทยาการชั้นสูง ผ่านวิถีของยามาฮ่า…

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed